Chinoiserie – การผสมผสานของตะวันตกและตะวันออก

Chinoiserie

Chinoiserie – การผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก

สำหรับคนที่กำลังหาแนวทางแต่งบ้านอยู่ เชื่อว่าทุกคนคงจะมีสไตล์การแต่งบ้านมากมายจนเลือกไม่ถูก และอีกหนึ่งสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ก็คือสไตล์ “Chinoiserie” ที่เป็นการผสมผสานระหว่างตะวันตกและตกวันออกได้อย่างลงตัว วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับสไตล์นี้กัน

 

นี่คือสไตล์การตกแต่งบ้านที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกกับศิลปะตะวันออกเข้าไว้ด้วยกัน และเป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรป ช่วงศตวรรษที่ 17-18 ซึ่งคำว่า “Chinoi” แปลว่า “จีน” ในภาษาฝรั่งเศสนั่นเอง

ต้องย้อนความกลับไปช่วงศตวรรษที่ 17 ที่การเดินทางนั้นไม่ได้เดินทางกันง่าย ๆ เหมือนปัจจุบัน ยิ่งเป็นประชาชนคนธรรมดานั้นยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย ทำให้เรื่องราวจากต่างแดนจะได้รับเพียงคำบอกเล่าแบบปากต่อปากเท่านั้น ซึ่งต้องขอบคุณเส้นทางการค้าที่ทำให้หลาย ๆ ประเทศเกิดการแลกเปลี่ยนทางด้านศิลปะวัฒนธรรม ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมเอเชียโดยตรง วัฒนธรรมของเอเชียส่วนใหญ่จึงถูกบันทึกลงในงานเขียนอันโรแมนติกของผู้ที่เดินทางค้าขาย

ในยุโรปนั้น วัฒนธรรมและศิลปะของตะวันออกได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นเป็นเพราะว่ายุโรปในช่วงนั้นมีศิลปะสไตล์บาโรกที่อยู่คู่วัฒนธรรมตะวันตกมาอย่างช้านาน การเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันออกอย่างจีนจึงทำให้เกิดความแปลกใหม่ และเกิดความต้องการอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเครื่องลายครามจีน นอกจากนี้ ความนิยมนี้ยังแพร่หลายไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ และสิ่งทอเลยทีเดียว และยังรวมถึงลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์อย่างลายมังกร เจดีย์ และดอกไม้อีกด้วย ซึ่งสิ่งของทั้งหมดเหล่านี้ถูกสร้างเพื่อตอบสนองความต้องการของรสนิยมในยุโรปสมัยนั้นทั้งสิ้น

แต่ถึงอย่างนั้น สไตล์นี้ก็หมดความนิยมไปในศตวรรษที่ 19 เพราะว่าสงครามฝิ่นระหว่างจีนและอังกฤษ และส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเริ่มมีการเข้ามาของวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมถึงมีการฟื้นฟูวัฒนธรรมอียิปต์ด้วย แต่ในช่วงปี ค.ศ. 1930 ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน

ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของจีนนั้นถูกตีความโดยช่างฝีมือหลายต่อหลายคนตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย จึงทำให้เกิดการผสมผสานความเป็นตะวันตกเข้าไป จนเกิดเป็นสไตล์ที่เรียกว่า Chinoiserie หลายรูปแบบ เช่น ภาพวาด วอลล์เปเปอร์ สิ่งทอ งานแกะสลักเฟอร์นิเจอร์ และของประดับตกแต่งบ้าน เช่น นาฬิกาและเครื่องลายคราม

 

ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของจีน

ซึ่งลายอันโดดเด่นของสไตล์นี้ ที่บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์นั้นมีมากมาย โดยส่วนใหญ่แล้วมักเชื่อมโยงเข้ากับความเชื่อและวัฒนธรรมของจีน รวมถึงวิถีชีวิตต่าง ๆ อีกด้วย โดยจะแบ่งออกเป็น  8 ลายหลัก ๆ คือ

1.ภูมิทัศน์จีน

การออกแบบลายของ Chinoiserie ในด้านศิลปะและการออกแบบตกแต่งภายในมักจะได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ในแบบของจีน ที่โรแมนติกและงดงาม รวมถึงสวนดอกไม้อันหรูหรา ที่มักนำมาใช้ในรูปวอลเปเปอร์แต่งผนังบ้าน

Chinoiserie

2.ดอกไม้

Chinoiserie ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ โดยเฉพาะ ดอกไม้ และสวนอันวิจิตรบรรจง โดยการออกแบบรูปแบบอันอ่อนหวานของดอกไม้ ถูกนำไปสินค้าในหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็น  เฟอร์นิเจอร์ พรม และวอลเปเปอร์ สำหรับใครที่ชอบลายดอกไม้ ก็ห้ามพลาดเลย กับ ตลับเทียนหอมลายดอกโบตั๋นของเรา

Chinoiserie

สำหรับใครที่กำลังมองหา ตลับเทียนหอมลายดอกไม้ คลิ๊กเลย

3.ลวดลายที่มาจากวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต 

ในช่วงเวลาที่การเดินทางระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องยาก ประเทศฝั่งตะวันออกจึงเป็นสถานที่ลึกลับ และแปลกใหม่ ชาวยุโรปจึงสนใจงานศิลปะของทางตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ลวดลาย การออกแบบ วัฒนธรรม  ความเป็นอยู่ และวิถีชีวิต ผ่านการวาดลายบนผนัง หรือรูปปั้นของคนหรือสัตว์ต่าง ๆ  

Chinoiserie

4.สิ่งมีชีวิตในตำนาน – มังกร

มังกรเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและโชค และมีความสำคัญอย่างมากในวัฒนธรรมและตำนานของจีน มังกรปรากฏในงานศิลปะของจีนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานวาด งานปั้น รวมถึงสถาปัตยกรรม และยังเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยมากที่สุดในการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมจีน

Chinese Dragon

5.ชิชิ

Shishi หมายถึง “สิงโต” ในภาษาจีน สามารถพบเห็นได้บ่อยในการออกแบบสไตล์นี้ ซึ่ง “ชิชิ” ถือเป็นสิงโตผู้พิทักษ์ของจีนที่ปรากฏขึ้นนอกวังและวัดเพื่อปัดเป่าเรื่องราวที่ไม่ดีออกไป ที่ผู้คนมักนำมาทำเป็นรูปปั้นเพื่อตกแต่งทางเข้าบ้านหรือที่พักอาศัย

Chinoiserie

6.เจดีย์

เจดีย์มีความหมายต่อวัฒนธรรมเอเชียตะวันออก โดยได้รับการออกแบบให้เป็นโครงสร้างหลายชั้นเพื่อใช้เป็นพื้นที่ทางสังคมและศาสนา โครงสร้างแบบนี้มีต้นกำเนิดในอินเดียและแพร่กระจายไปทั่วทวีปเอเชียเมื่อพุทธศาสนาเริ่มเข้ามาในประเทศจีน ส่วนมากแล้วเจดีย์จะใช้ในการทำออกมาเป็นรูปทรงขนาดเล็ก เพื่อนำมาวางตกแต่งบนโต๊ะวางของ

Chinoiserie

7.เทพปกรนัมจีน 

เทพปกรนัมจีนมักถูกสร้างในรูปแบบรูปปั้นหรือรูปเคารพ และภาพวาด ซึ่งส่วนมากแล้วจะพบบ่อยในงานภาพที่นำไปตกแต่งบ้านคู่กับวอลเปเปอร์สไตล์ Chinoiserie ที่นอกจากจะมีความสวยงามที่เข้ากับการตกแต่งบ้านแล้ว ยังถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านอีกด้วย ซึ่งรูปของเทพที่เห็นได้บ่อยได้แก่ เทพเจ้ากวนอู พระสังกัจจายน์ เจ้าแม่กวนอิม จี้กง และฮก ลก ซิ่ว

Chinoiserie

8.เสือ

เสือเองก็เป็นสัตว์ที่อยู่คู่วัฒนธรรมจีนมาอย่างยาวนาน ซึ่งเสือนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุด เทียบเท่ากับมังกร นกฟินิกซ์ และเต่า ที่ทั้งสี่นั้นเป็นสัตว์ในตำนานอันศักดิ์สิทธิ์ของจีน เราจึงเห็นเสือมีบทบาทอยู่ในศิลปะและวัฒนธรรมจีนมากมาย ไม่ว่าจะในภาพเขียน วอลเปเปอร์ งานแกะสลักไม้ และลวดลายบนเครื่องกระเบื้อง

Chinoiserie

 

Element ของ Chinoiserie

มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายๆคน คงอยากเริ่มในการตกแต่งบ้านสไตล์นี้กันแล้ว จริง ๆ แล้วเราสามารถใส่ Element เข้าไปได้หลายอย่างตามความต้องการในการแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็น 

1.เครื่องกระเบื้องเคลือบลายคราม

เครื่องกระเบื้องเคลือบของจีนมีบทบาทอย่างมากในการแต่งบ้านสไตล์นี้ เพราะ ตัวเครื่องกระเบื้องลายคราม นอกจากจะให้กลิ่นอายของความเป็นวัฒนธรรมจีนได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยเปลี่ยนบรรยากาศ และสร้างความหรูหราได้อีกด้วย

2.ภาพวาด

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Chinoserie ได้รับความนิยมอย่างมากในศตวรรษที่ 17 ก็คือภาพวาดของจิตรกรชาวฝรั่งเศส Jean-Antoine Watteau และ François Boucher ที่มีชื่อภาพว่า The Chinese Garden ที่เป็นการผสมผสานวิธีการวาดแบบตะวันตก แต่องค์ประกอบในภาพเป็นของตะวันออก ซึ่งมักนำมาตกแต่งคู่กันวอลเปเปอร์

The Chinese Garden

thanks to the picture from : cr https://enfilade18thc.com

3.สถาปัตยกรรมและสวน

สถาปัตยกรรมและสวนของจีน ส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบของศาลาพักผ่อนที่ผสมผสานความเป็นเจดีย์ของจีนและศาลาดื่มชาของยุโรปเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดเลยก็คือ Chinese House ซึ่งเป็นศาลาในสวนที่พระราชวัง Sanssouci ใน Potsdam ประเทศเยอรมนี ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1755

Chinese House

thanks to the picture from : cr  dreamstime

4.เฟอร์นิเจอร์

ลวดลายของจีนมักปรากฎอยู่ในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งวัสดุที่นิยมใช้ ได้แก่ ไม้เคลือบเงา ไม้ไผ่เทียม และเครื่องทองเหลือง และมักฉลุเป็นลายอันชดช้อยต่าง ๆ ซึ่งพบได้ในตู้ โต๊ะ และเก้าอี้

5.วอลเปเปอร์

การออกแบบวอลเปเปอร์นั้นมักจะออกแบบให้เข้ากับของแต่งบ้านชิ้นอื่น ๆ เช่น เครื่องลายคราม และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นลวดลายของภูมิทัศน์จีน เช่น ภูเขา เจดีย์ ต้นไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ รวมถึงสัตว์อย่างเช่น นกกระเรียน

ซึ่งในสมัยก่อนนั้นวอลเปเปอร์สไตล์ Chinoiserie นั้นราคาแพงมาก เพราะส่วนใหญ่แล้วจะถูกนำไปตกแต่งบ้านของขุนนางในยุโรป บวกกับราคาของสีที่ใช้วาดลวดลายบนผ้าไหมนั้นเป็นสีที่มีความสดใส น่าดึงดูด ทำให้ราคาของสีก็แพงเช่นเดียวกัน 

แต่พอเวลาผ่านไป เริ่มมีการพัฒนาในเรื่องของการพิมพ์ยิ่งขึ้น บวกกับความนิยมและความต้องการสินค้าจากจีนมากขึ้น ทำให้ชนชั้นกลางสามารถเข้าถึงวอลเปเปอร์ และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านได้ โดยส่วนใหญ่แล้ววอลเปเปอร์มักติดในห้องนอน ห้องส่วนตัว รวมถึงตู้เสื้อผ้า

 

เราจะเห็นได้ว่า Chinoiserie นั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และยังเป็นสไตล์ที่อยู่เหนือกาลเวลาอีกด้วย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยปี ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เรื่อย ๆ จนกลายสไตล์คลาสสิกที่หลอมรวมวัฒนธรรมของตะวันออก และความหรูหราของตะวันตกเอาไว้อย่างลงตัว

แม้กระทั่งในศตวรรษที่ 21 หรือยุคปัจจุบันนี้ ศิลปะและวัฒนธรรมของตะวันออกก็ยังได้รับความนิยมอย่างมากในเรื่องของการตกแต่งบ้าน นั่นเพราะว่าศิลปะของของตะวันออกนั้นสามารถนำมาตกแต่งได้ทั้งแบบดั้งเดิมสไตล์คลาสสิก และแบบเรียบง่ายสไตล์ Modern

 

หากคุณเป็นคนที่ชอบแต่งบ้าน หรือกำลังจะแต่งบ้าน หวังว่าจะเป็นตัวเลือกดี ๆ ในการตัดสินใจเลือกสไตล์และตัวตนให้เหมาะกับบ้านของคุณ และหากอยากได้ของแต่งบ้านสวย ๆ สไตล์  Luxury Oriental สามารถเยี่ยมชมสินค้าของเราได้เลย

 

สามารถเข้ามาชมความงดงามของสินค้า พร้อมสัมผัสกับความหอมของเราได้ที่
– ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 ชั้น 3
– สยามพารากอน ชั้น 2
หรือ สามารถ สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ Line@thaniya1988   แล้วพบกันนะคะ
.
นอกจากนี้ เรายังรับทำของขวัญ​ customized ของพรีเมี่ยม​ สนใจทักไลน์มาได้เลยค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น